รหัส ASCII
รหัสAmericanคือAmericanStandard
Code for Information Interchange (ASCII) อ่านว่า แอส-กี้ เป็นรหัสที่พัฒนาขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา
(American National Standard Institute: ANSI อ่านว่า
แอน-ซาย) เรียกว่า ASCII Code ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป
รหัสนี้ได้มาจากรหัสขององค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศ (InternationalStandardization Organization: ISO)
ขนาด7บิต ซึ่งสามารถสร้างรหัสที่แตกต่าง กันได้ถึง128รหัส
(ตั้งแต่ 000 0000 ถึง 111 1111)โดยกำหนดให้32รหัสแรกเป็น 000 0000 ถึง 001 1111)ทำหน้าที่เป็นสั่งควบคุมเช่นรหัส 000 1010 แทนการเลื่อนบรรทัดในเคื่องพิมพ์เป็นต้นและอีก96รหัสถัดไป(32"95)ใช้แทนอักษรและสัญญาลักษณ์พิเศษอื่นรหัสASCIIใช้วิธีการกำหนดการแทนรหัสเป็นเลขฐานสิบหก ทำให้ง่ายต่อการจำและการใช้งาน
นอกจากนั้นยังสามารถเขียนมนรูปของเลขฐานสิบหกได้ด้วย ดังนั้นASCII Codeจีงเป็ฯรหัสที่เขียนได้3แบบ เช่นอักษรAสามารถแทนเป็นรหัสได้ดังนี้
สัญลักษณ์
|
เลขฐานสิบ
|
เลขฐานสอง
|
เลขฐานสิบหก
|
A
|
65
|
100 0001
|
4 1
|
รหัส ASCII สามารถใช้แทนข้อมูลอักขระและคำสั่งได้มากขึ้น
และมีการขยายเป็นรหัสแบบ 8 บิต
ตารางแสดงรหัสASCII
Unicode
ยูนิโค๊ด คือ
รหัสคอมพิวเตอร์ใช้แทนตัวอักขระ สามารถใช้แทน ตัวอักษร,ตัวเลข,สัญลักษณ์ต่างๆ ได้มากกว่ารหัสแบบเก่าอย่าง ASCII ซึ่งเก็บตัวอักษรได้สูงสุดเพียง
256 ตัว(รูปแบบ) โดย Unicode รุ่นปัจจุบันสามารถเก็บตัวอักษรได้ถึง
34,168 ตัวจากภาษาทั้งหมดทั่วโลก 24 ภาษา
โดยไม่สนใจว่าเป็นแพลตฟอร์มใด ไม่ขึ้นกับโปรแกรมใด หรือภาษาใด unicodeได้ถูกนำไปใช้โดยผู้นำในอุตสาหกรรมเช่นApple,hp.IBM,Microsoft,Unixฯลฯและแนวทางอย่างเป็นทางการในการทำISO/IEC
10646 ดังนั้น Unicode
จึงถือเป็นมาตรฐานในการกำหนดรหัส สำหรับทุกตัวอักษร ทุกอักขระ unicode ทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนย้ายไปมาในหลายๆ
ระบบ ข้ามแพลตฟอร์มไปมา หรือข้ามโปรแกรมได้อย่างสะดวก โดยไร้ข้อจำกัดUnicode ต่างจาก ASCII
คือ ASCII เก็บ byte เดียว แต่ Unicode เก็บ 2 byte ซึ่งข้อมูล 2 byte เก็บข้อมูลได้มากมายมหาศาล สามารถเก็บข้อมูลได้มากมายหลายภาษาในโลก
อย่างภาษาไทยก็อยู่ใน Unicode นี้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นรหัสภาษาไทยเอาไปเปิดในภาษาจีน ก็ยังเป็นภาษาไทยอยู่ ไม่ออกมาเป็นภาษาจีน เพราะว่ามี code ตายตัวอยู่ว่า code นี้จองไว้สำหรับภาษาไทย แล้ว code ตรงช่วงนั้นเป็นภาษาจีน ตรงโน่นเป็นภาษาญี่ปุ่น จะไม่ใช้ที่ซ้ำกัน เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น